Performance assessment
การประเมินภาคปฏิบัติ เป็นการวัดความสามารถในการปฏิบัติงานของผู้เรียนภายใต้สภาพการณ์และเงื่อนไขที่สอดคล้องกับสภาพจริง โดยพิจารณาจากกระบวนการทำงานและคุณภาพของงานหรือกิจกรรมที่ผู้สอนมอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติ โดยใช้เกณฑ์การประเมินที่สร้างขึ้นจากมิติความสำคัญของคุณลักษณะด้านต่าง ๆ ของผลงานนั้น เป็นกระบวนการที่ใช้ในเนื้อหาทางทฤษฎี กระบวนการและผลการปฏิบัติงานร่วมกับการประเมินพฤติกรรมที่ผู้เรียนแสดงออกในขณะปฏิบัติงาน โดยลักษณะสำคัญของการประเมินภาคปฏิบัตินั้น ต้องมีการปฏิบติงานหรือแสดงกระบวนการปฏิบัติ การปฏิบัติงานต้องอาศัยกลไกการทำงานของอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ประสานสัมพันธ์กัน การปฏิบัติงานควรมีการกระทำซ้ำบ่อยครั้ง และการปฏิบัติงานเป็นกระบวนการทำให้เกิดการเรียนรู้
การประเมินด้วยวิธีนี้ช่วยทำให้ทราบถึงผลการพัฒนาของผู้เรียน โดยผู้สอนจะต้องกำหนดจุดมุ่งหมายของการปฏิบัติ ระบุเกณฑ์การประเมิน กำหนดวิธีการประเมินเพื่อตัดสินผลการเรียนรู้ของผู้เรียน เครื่องมือที่ใช้วัดพฤติกรรมด้านทักษะพิสัยมีอยู่หลายชนิด อาทิ แบบตรวจสอบรายการ แบบสังเกต มาตรประมาณค่า การประเมินผลการปฏิบัติงานด้วยแฟ้มสะสมผลงาน การเลือกใช้เครื่องมือชนิดใดนั้น ขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่ต้องการตรวจสอบ โดยพิจารณาให้เหมาะสมและใช้วิธีการเก็บข้อมูลที่หลากหลาย มีเกณฑ์การให้คะแนน ที่แสดงระดับคุณภาพและมีคำอธิบายแต่ละระดับปฏิบัติการตามแนวทางของรูบริค (Rubrics) การประเมินภาคปฏิบัติผู้สอนต้องเตรียมสิ่งสำคัญ 2 ประการ คือ 1) ภาระงาน (Tasks) หรือ กิจกรรม (Activities) ที่ให้ผู้เรียนปฏิบัติ เช่น การทำโครงการหรือโครงงาน การสำรวจ การนำเสนอ การทดลองทางวิทยาศาสตร์ การจัดนิทรรศการ การแสดงละคร เป็นต้น และ 2) เกณฑ์การให้คะแนน (Scoring Rubrics) ที่ใช้ในการประเมินการปฏิบัติ
เครื่องมือที่ใช้ประเมินภาคปฏิบัติ มุ่งวัด 3 ลักษณะ ได้แก่ 1) วัดกระบวนการทำงาน 2) วัดผลงาน และ 3) วัดพฤติกรรมการปฏิบัติงาน โดยมีรายละเอียดดังนี้
ผู้สอนสามารถวัดกระบวนการทำงานของผู้เรียนจากคุณภาพขณะปฏิบัติงาน ซึ่งวัดจากความผิดพลาดที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติงาน ความคล่องแคล่วว่องไวในการปฏิบัติงาน การเลือกใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมกับงานที่ปฏิบัติ เวลา วัดจากเวลาที่ใช้ในการปฏิบัติงานน้อย ทักษะการปรับปรุงงาน วัดจากการลดขั้นตอนการทำงานให้สั้นลง ความปลอดภัยในการทำงาน วัดจากความปลอดภัยในการใช้เครื่องมือ จำนวนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการทำงาน ความสิ้นเปลืองทรัพยากร วัดจากจำนวนที่ใช้วัสดุเกิน
ผู้สอนสามารถวัดผลงานของผู้เรียนจากคุณภาพของผลงาน วัดจากคุณภาพสอดคล้องกับเกณฑ์มาตรฐาน จุดดี จุดเด่นของผลงาน ความเหมาะสมในการนำเอาไปใช้ และลักษณะภายนอกที่กำหนด ปริมาณงาน วัดจากปริมาณของผลผลิตที่ทำได้ภายในเวลาที่กำหนด ทักษะการปรับปรุงงาน วัดจากพัฒนาการของผลงานในเชิงคุณภาพและปริมาณ ความปลอดภัยของผลงาน วัดจากระดับความปลอดภัยของผลผลิตเมื่อนำไปใช้ ความสิ้นเปลือง วัดจากจำนวนชิ้นงานที่ทำแล้วใช้ไม่ได้หรือยอมรับไม่ได้
ผู้สอนสามารถวัดคุณลักษณะที่ใช้วัดพฤติกรรมการปฏิบัติงานของผู้เรียนจากความตั้งใจในการทำงาน กระตือรือร้นในการทำงาน ให้ความร่วมมือในการทำงานกลุ่ม ยอมรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น ความร่วมมือในการแก้ปัญหาการทำงานในกลุ่ม
เครื่องมือที่ใช้ประเมินภาคปฏิบัติมีหลายชนิดผู้สอนอาจปรับเปลี่ยนไปตามลักษณะงานหรือกิจกรรมที่ต้องการตรวจสอบ ส่วนใหญ่แล้วการประเมินภาคปฏิบัติต้องอาศัยวิธีการสังเกตเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่น การประเมินภาระงานหรือกิจกรรมที่เน้นขั้นตอนการปฏิบัติและผลงาน ต้องสังเกตและประเมินวิธีการทำงานที่เป็นขั้นตอนและผลงานของผู้เรียน การประเมินภาระงานหรือกิจกรรมที่มุ่งเน้นการสร้างลักษณะนิสัย ต้องสังเกต จดบันทึกเหตุการณ์เกี่ยวกับผู้เรียน การประเมินภาระงานที่เน้นผลผลิตมากกว่ากระบวนการขั้นตอนการทำงาน ผู้สอนต้องสร้างเครื่องมือเพื่อใช้ประกอบการประเมิน เป็นต้น โดยเครื่องมือที่ใช้ในการบันทึกการสังเกตอาจเป็นแบบตรวจสอบรายการ มาตรประมาณค่า แบบสังเกตพฤติกรรม แบบบันทึกพฤติกรรม แบบบันทึกผลการปฏิบัติ เป็นต้น
ตัวอย่างเครื่องมือประเมินภาคปฏิบัติ
แบบตรวจสอบรายการ เรื่อง การตอนกิ่ง
ชื่อ..............................................................................................................วัน เดือน ปี.................................
หัวข้อ การขยายพันธุ์พืชด้วยการตอนกิ่ง สถานการณ์ ฝึกปฏิบัติตอนกิ่งรายบุคคล
รายการที่สังเกต | ถูกต้อง/ผ่าน | ไม่ถูกต้อง/แก้ไข |
1. การเตรียมเครื่องมือตอนกิ่ง | ||
2. การเลือกกิ่งพันธุ์ | ||
3. การควั่นกิ่งพันธุ์ | ||
4. การหุ้มกิ่ง | ||
5. การเก็บเครื่องมือตอนกิ่ง | ||
6. ผลงาน | ||
สรุป |
สิ่งสำคัญอีกหนึ่งประการของการประเมินภาคปฏิบัติ คือ การกำหนดเกณฑ์การให้คะแนน(Rubrics) ที่ใช้ในการวิเคราะห์ผลงานหรือกระบวนการที่ผู้เรียนได้พยายามสร้างขึ้น โดยทั่วไปแล้วการประเมินผลงานของนักเรียน จะประเมินด้วยกัน 2 ลักษณะ คือ การประเมินผลงานที่ได้จากกระบวนการของนักเรียน และกระบวนการที่นักเรียนใช้เพื่อให้เกิดผลงาน ซึ่งการประเมินลักษณะใดก็ตามขึ้นอยู่กับจุดมุ่งหมายในการเรียนรู้ ในการประเมินผู้ประเมินจะต้องตัดสินคุณภาพของผลงานหรือกระบวนการปฏิบัติของผู้เรียนแต่ละคนที่มีระดับแตกต่างกัน ดังนั้นองค์ประกอบที่สำคัญของเกณฑ์การให้คะแนน(Rubrics) ควรจะต้องมีอย่างน้อย 1 คุณลักษณะหรือ 1 มิติที่เป็นพื้นฐานในการตัดสินผู้เรียน การนิยามและยกตัวอย่างจะต้องมีความชัดเจนในแต่ละคุณลักษณะหรือมิติ มาตราการให้คะแนนจะต้องเป็นอัตราส่วนในแต่ละคุณลักษณะหรือมิติ และจะต้องมีมาตรฐานที่เด่นชัดในแต่ละระดับของการให้คะแนน ซึ่งขั้นตอนและกระบวนการสร้างเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) โดยมีรายละเอียดดังนี้
1) การออกแบบเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) ในแต่ละมิติ ควรประเมินระดับผลงานหรือกระบวนการที่นักเรียนปฏิบัติ โดยรวมองค์ประกอบที่สำคัญของกระบวนการคิดที่เกี่ยวข้อง
2) ตรวจสอบว่าภาระงาน (Tasks) ที่มอบหมายให้ผู้เรียนปฏิบัติ จะให้สารสนเทศที่จำเป็นต่อความเที่ยงตรงของคะแนน
3) พิจารณาปรับเปลี่ยนภาระงาน (Tasks) เพื่อเพิ่มความสนใจของผู้เรียนหรือสารสนเทศ
4) ในการประเมินจะต้องรวมภาระงาน (Tasks) เข้าไปในเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) ผลลัพธ์ของการเรียนรู้ของผู้เรียน และการใช้ทักษะการคิดที่ซับซ้อน
5) พิจารณาน้ำหนักของเกณฑ์การประเมินที่มุ่งเน้นความสำคัญที่แตกต่างกันในแต่ละมิติ
6) ผู้สอนควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับเกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics)
7) สะท้อนผลการประเมินให้กับผู้เรียน โดยมุ่งเน้นการสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและสิ่งที่ผู้เรียนได้เรียนรู้
ตัวอย่าง เกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) แบบองค์รวม (Holistic) เพื่อประเมินทักษะการเขียนรายงานเรื่องประวัติการเลี้ยงโคนม
คะแนน | คำอธิบาย |
5 | รายงานมีความครอบคลุม และชัดเจนในทุกประเด็น คือ ผู้ทำการเลี้ยง เวลา สถานที่ พันธุ์ ปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหา |
4 | รายงานมีความครอบคลุม แต่ไม่ชัดเจนในบางประเด็นต่อไปนี้ ผู้ทำการเลี้ยง เวลา สถานที่ พันธุ์ ปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหา |
3 | รายงานขาดความครอบคลุม 1 – 2 ประเด็น จากรายการต่อไปนี้ ผู้ทำการเลี้ยง เวลา สถานที่ พันธุ์ ปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหา |
2 | รายงานขาดความครอบคลุม 3 ประเด็น จากรายการต่อไปนี้ ผู้ทำการเลี้ยง เวลา สถานที่ พันธุ์ ปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหา |
1 | รายงานขาดความครอบคลุมมากกว่า 3 ประเด็น จากรายการต่อไปนี้ ผู้ทำการเลี้ยง เวลา สถานที่ พันธุ์ ปัญหา และแนวทางการแก้ไขปัญหา |
ตัวอย่าง เกณฑ์การให้คะแนน (Rubrics) แบบแยกองค์ประกอบ (Analytic Rubrics) เพื่อประเมินทักษะการนำเสนอหน้าชั้นเรียน
ประเด็น | 3 คะแนน | 2 คะแนน | 1 คะแนน |
เนื้อหา | มีเนื้อหาครบถ้วนสมบูรณ์ | มีเนื้อหาส่วนใหญ่ถูกต้อง | มีเนื้อหาบางส่วนถูกต้อง |
ความสามารถในการนำเสนอ | น่าสนใจ มีสื่ออุปกรณ์ครบ | ค่อนข้างน่าสนใจ มีสื่ออุปกรณ์ประกอบ | ไม่น่าสนใจ และไม่มีสื่ออุปกรณ์ |
การตอบคำถาม | ถูกต้องตรงประเด็น | ส่วนใหญ่ถูกต้อง | ถูกต้องบางส่วน |
บุคลิกภาพ | พูดจาฉะฉาน ชัดถ้อย ชัดคำ เชื่อมั่นสูง | พูดจาคล่องแคล่ว มีความเชื่อมั่น | พูดจาติดขัด ไม่ค่อยมีความเชื่อมั่น |
เวลา | ทันตามเวลาที่กำหนดพอดี | ใกล้เคียงกับเวลาที่กำหนด คลาดเคลื่อนไม่เกิน 5 นาที | ไม่สอดคล้องกับเวลาที่กำหนด คลาดเคลื่อนมากกว่า 5 นาที |
ผู้สอนสามารถประยุกต์ใช้เครื่องมือการจัดการเรียนการสอนออนไลน์ โดยเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมเข้ามาช่วยในการประเมินภาคปฏิบัติ ได้แก่ Recap, Lino โดยมีรายละเอียดดังนี้