การใช้คำถาม

การใช้คำถามเป็นวิธีการที่ช่วยให้ผู้สอนสามารถประเมินผลการเรียนรู้ของผู้เรียนได้ง่ายที่สุด โดยเฉพาะด้านความรู้และความคิดของผู้เรียน วิธีการนี้จึงเป็นวิธีการที่ผู้สอนมักใช้ในการจัดการเรียนรู้ แต่โดยปกติแล้วผู้สอนมักตั้งคำถามที่เป็นความรู้ความจำ เพราะสามารถตั้งคำถามได้ง่ายตามเนื้อหาที่สอน แต่คำถามเหล่านั้นมิใช่เป็นคำถามที่ทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ดังนั้นผู้สอนควรปรับคำถามที่ใช้เพื่อพัฒนาระดับการคิดของผู้เรียน ซึ่งจะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ที่ลึกซึ้งมากขึ้น ตลอดจนสร้างความรู้ ความเข้าใจ และพัฒนาความคิดใหม่ ๆ โดยกระบวนการถามจะช่วยขยายทักษะการคิด ทำความเข้าใจให้กระจ่าง ได้ข้อมูลป้อนกลับทั้งด้านการเรียนการสอน ก่อให้เกิดการทบทวน การเชื่อมโยงระหว่างความคิดต่าง ๆ

          ดังนั้นการใช้คำถามที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ จตุภูมิ เขตจัตุรัส. 2560: 19; อ้างอิงจาก Clarke. 2005) ได้เสนอวิธีการฝึกสร้างคำถามให้มีประสิทธิภาพ 5 วิธี ได้แก่ 1) ให้คำตอบที่เป็นไปได้หลากหลาย โดยเปลี่ยนการถามแบบความจำให้เป็นคำถามที่ต้องใช้การคิด ตัดสอนใจว่าคำตอบใดถูก หรือใกล้เคียงที่สุดเพราะเหตุใด และที่ไม่ถูกต้องเพราะเหตุใด 2) เปลี่ยนคำถามประเภทความจำให้เป็นคถามประเภทที่ผู้เรียนต้องแสดงความคิดเห็นพร้อมเหตุผล การใช้วิธีนี้จะต้องให้ผู้เรียนได้อภิปรายกัน ผู้เรียนต้องใช้การคิดที่สูงขึ้นกว่าวิธีแรก เพราะผู้เรียนจะต้องยกตัวอย่างสนับสนุนความเห็นของตน การฝึกด้วยวิธีการนี้บ่อย ๆ จะเป็นการพัฒนาผู้เรียนให้เป็นผู้ฟังที่ดี มีจิตใจเปิดกว้างพร้อมรับฟัง และเปลี่ยนแปลงความคิดเห็นโดยผ่านกระบวนการอภิปราย 3) หาสิ่งตรงข้ามกัน โดยหาสิ่งที่ใช่/ถูก สิ่งที่ไม่ใช่/ผิด วิธีการนี้ใช้ได้ดีกับเนื้อหาที่เป็นข้อท็จจริง และช่วยเปิดโอกาสให้ผู้เรียนคิดและอภิปรายมากกว่าเพียวการถามว่าทำไม โดยไม่มีการเปรียบเทียบกัน 4) ให้คำตอบประเด็นสรุปแล้วตามด้วยคำถามให้คิด เป็นการให้ผูเ้รียนต้องอธิบายขยายความเพิ่มเติม 5) ตั้งคำถามจากจุดยืนที่เห็นต่าง เป็นวิธีที่ต้องใช้ความสามารถมากทั้งผู้สอนและผู้เรียน เพราะมีประเด็นที่ต้องอภิปรายโต้แย้งเชิงลึก

ตัวอย่าง คำถามที่ใช้เพื่อพัฒนาระดับการคิดของผู้เรียน

ชนิดคำถามเป้าหมายตัวอย่างคำถาม
สำรวจตรวจหาข้อเท็จจริงและความรู้พื้นฐานมีหลักฐานจากผลการวิจัยสนับสนุนอย่างไรบ้าง
ท้าทายสำรวจหาข้อสมมติฐาน ข้อสรุป และข้อตีความมีอย่างอื่นอีกบ้างไหม ที่เราควรทำ
เปรียบเทียบถามเพื่อเปรียบเทียบประเด็นหลัก แนวความคิด หรือประเด็นเปรียบเทียบระหว่าง...........กับ..........เป็นอย่างไร
วินิจฉัยแจกแจงหาแรงกระตุ้นหรือสาเหตุทำไม..........................
ถามหาการดำเนินการหาข้อสรุปหรือข้อปฏิบัติเพื่อสนองต่อ...สิ่งที่.....ควรทำคือ
เหตุและผลถามความสัมพันธ์เชิงเหตุและผลระหว่างแนวความคิด การกระทำถ้า.....เกิดขึ้น จะเกิดอะไรขึ้นตามมา
การขยายผลขยายการอภิปรายมีแนวทางหรือความคิดเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง
สมมติฐานเสนอเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงหรือประเด็นสมมติว่า...เกิดขึ้น ผลจะเป็นอย่างเดิมหรือไม่
ลำดับความสำคัญเสาะหาประเด็นที่สำคัญที่สุดจากที่เราหารือกันมา เรื่องไหนสำคัญที่สุด
สรุปให้ข้อสังเคราะห์เราได้ข้อสรุปอย่างไรบ้าง
ปัญหาท้าทายผู้เรียนให้หาทางแก้ปัญหา สมมติ หรือปัญหาจริงจะเกิดอะไรขึ้น ถ้า........(ควรมีหลายคำตอบ)
ตีความช่วยให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายหลายความหมายของแต่ละเรื่องจากสิ่งที่เราได้เห็น ได้ยิน หรือได้อ่าน ตีความได้ว่าอย่างไร
ประยุกต์ตรวจหาความสัมพันธ์และขอให้ผู้เรียนเชื่อมโยงทฤษฎีเข้ากับปฏิบัติเมื่อรู้เช่นนี้แล้ว จะทำอย่างไรต่อไป
ประเมินให้ผู้เรียนได้ประเมินและตัดสินใจอันไหนดีกว่า ข้อเปรียบเทียบนี้สำคัญอย่างไร จะทำอะไรต่อ
ตรวจสอบความแม่นยำให้ผู้เรียนได้ตรวจสอบความถูกต้องของถ้อยคำ ข้อโต้แย้ง และข้อสรุป และเพื่อวิเคราะห์ความคิด และท้าทายสมมติฐานของตนเองเรารู้ได้อย่างไร ข้อมูลหลักฐานเป็นอย่างไร หลักฐานน่าเชื่อถิอแค่ไหน

          อย่างไรก็ตาม ผู้สอนสามารถนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเป็นสื่อกลาง และเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการจัดการเรียนการสอน ตลอดจนการพัฒนาและปรับปรุงการเรียนรู้ของผู้เรียน เช่น โปรแกรม Blackboard Collaborative, Classdojo, Seesaw, Mentimeter เป็นต้น

  1. Blackboard Collaborative เป็นเครื่องมือหนึ่งในระบบ Blackboard ที่ผู้สอนสามารถติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกันระหว่างผู้เรียนและผู้สอน โดยผู้สอนสามารถสร้างชั้นเรียนสำหรับแต่ละบทเรียน บันทึกการจัดการเรียนการสอนไว้ดูย้อนหลัง สนทนาโต้ตอบระหว่างผู้เรียนและผู้สอน แชร์ไฟล์ เอกสาร PowerPoint และ Whiteboard ตลอดจนตั้งสถานะผู้เรียนให้มีส่วนร่วมในชั้นเรียน ร่วมสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การแบ่งกลุ่มย่อยและให้คำปรึกษาตามกลุ่มย่อย และบันทึกการเข้าร่วมการเรียนรู้ได้
  2. Classdojo เป็นแอปพลิเคชันสำหรับสร้างห้องเรียนออนไลน์เพื่อการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ โดยในห้องเรียนออนไลน์ผู้สอนจะเพิ่มชื่อผู้เรียนเข้าสู่ห้องเรียนที่สร้างไว้ ซึ่งช่วยตรวจสอบการเข้าเรียนของผู้เรียน และช่วยให้สามารถติดต่อสื่อสารออนไลน์ระหว่างผู้สอน ผู้เรียน และผู้ปกครอง รวมถึงสามารถแบ่งปันความรู้ด้วยภาพถ่ายและวิดีโอ
  3. Seesaw เป็นแอปพลิเคนชันสำหรับการจัดการของผู้สอน สามารถใส่ข้อมูลเพื่อเตือนความจำเกี่ยวกับภาระงานต่าง ๆ และวันเวลาที่ส่ง ผู้สอนสามารถตรวจคำตอบได้ว่าผู้เรียนคนใดส่งงานหรือยังไม่ส่งงาน โดยผู้เรียนสามารถแชร์ผลงาน ให้ผู้สอน เพื่อน หรือผู้ปกครองได้ ในแบบรูปวาด ภาพถ่าย เสียง หรือคลิป เป็นต้น
  4. Mentimeter เป็นเว็บไซต์ที่ใช้สร้างพรีเซนเทชันโดยมีรูปแบบที่ให้ผู้เรียน มีส่วนร่วมในการตอบคําถาม แสดงความคิดเห็น โต้ตอบในห้องเรียน ซึ่งจะช่วยให้ผู้สอนสามารถวัดความเข้าใจ ของผู้เรียนหรือใช้สําหรับทําให้มีกิจกรรมโต้ตอบในห้องเรียน